สมัยมุฮัมมัด (ค.ศ. 610–632) ของ คอลิด อิบน์ อัลวะลีด

ก่อนเข้ารับอิสลาม

ไม่มีใครรู้ว่าคอลิดเป็นอย่างไรก่อนที่จะเข้ารับอิสลาม แต่มีรายงานว่าคอลิดไม่ได้เข้าร่วมสงครามบะดัร หลังจากนั้นเขานำชัยชนะให้กับชาวมักกะฮ์ในสงครามอุฮุด (ค.ศ. 625)[8] และสงครามสุดท้ายที่เข้าร่วมกับชาวกุเรชคือสงครามสนามเพลาะในปี ค.ศ. 627[9]

หลังจากสงครามบะดัรคอลิดและฮาชาม อิบน์ วะลีด ไปที่มะดีนะฮ์เพื่อจ่ายค่าไถ่วะลีด อิบน์ วะลีด แต่หลังจากนั้นวะลีดได้กลับมักกะฮ์แล้ว เขาได้หลบหนีไปยังมะดีนะฮ์เพื่อเข้ารับอิสลาม[10]

เข้ารับอิสลาม

หลังจากทำสนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮ์ในปีค.ศ. 628 มีรายงานว่าศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวกับวะลีด อิบน์ วะลีดว่า: "คนอย่างคอลิด ไม่สามารถอยู่ห่างจากอิสลามได้นานแน่"[11] วะลีดได้เขียนจดหมายไปยังคอลิดเพื่อเข้ารับอิสลาม คอลิดตัดสินใจเข้ารับอิสลามและได้พูดเรื่องนี้ให้กับอิกริมะฮ์ อิบน์ อบีญะฮัล คอลิดถูกทำร้ายโดยอบูซุฟยาน อิบน์ ฮัรบ์ แต่ถูกอิกริมะฮ์ขวางและพูดว่า: "ระวังให้ดี โอ้ อบูซุฟยาน! ความโกรธของเจ้าอาจจะนำฉันเข้าร่วมกับมุฮัมมัด คอลิดจะนับศาสนาอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ"[12]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 629 คอลิดเริ่มเดินทางไปมะดีนะฮ์ แล้วพบกับอัมร์ อิบน์ อัลอาสและอุสมาน อิบน์ ฏอลฮะฮ์ ที่กำลังไปมะดีนะฮ์เพื่อเข้ารับอิสลามด้วย พวกเขามาถึงมะดีนะฮ์ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 629[13]

คอลิดได้ทักทายมูฮัมหมัดและสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อท่าน มุฮัมมัดจึงกล่าวกับคอลิดว่า:

ฉันแน่ใจว่า...ปัญญาและความหวังของเจ้าทำให้วันหนึ่งต้องรับอิสลามเป็นศาสนาของตนเอง[14]— ศาสดามุฮัมมัด

การทหารในสมัยมุฮัมมัด

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 629 ได้มีการเคลื่อนทัพไปรบที่คอสซานิด รัฐประเทศราชของจักรวรรดิโรมันตะวันออก โดยก่อสงครามมุตอะฮ์ซึ่งเป็นสงครามระหว่างชาวมุสลิมและกองทัพของจักรวรรดิไบเซนไทน์ มุฮัมมัดได้ให้ซัยด์ อิบน์ ฮาริษะฮ์เป็นแม่ทัพ ถ้าซัยด์เสียชีวิต ญะฟัร อิบน์ อบีฏอลิบจึงรับหน้าที่ต่อ ถ้าญะฟัรเสียชีวิต อับดุลลอฮ์ อิบน์ รอวาฮะฮ์จึงรับหน้าที่ต่อ ถ้าทั้งสามถูกฆ่าแล้ว ให้เลือกคนที่เหมาะสมเอง[15] ตอนที่สู้รบนั้น แม่ทัพทั้งสามถูกฆ่าหมดแล้ว พวกเขาจึงเลือกคอลิดมารับหน้าที่นี้ต่อ แล้วสู้รบจนชนะ[16]

หลังจากเหตุการณ์ยึดครองมักกะฮ์ในปี ค.ศ. 630 คอลิดได้นำกองทัพไปสู้รบในสงครมฮุนัยน์และฏออิฟ จนชนะการต่อสู้ คอลิดได้รับบาดแผลขนาดใหญ่ในตอนสู้รบ มุฮัมมัดได้มาเยี่ยมเขาแล้วบอกว่าขอให้หายเร็วๆ[17]

เขาได้เข้าร่วมที่ตะบูกภายใต้การนำทัพโดยมุฮัมมัด คอลิดถูกส่งไปที่ดุมาตุลญันดัลพร้อมกับต่อสู้และจับเจ้าชายแห่งดุมาตุลญันดัล พร้อมกับบังคับให้ทำสัญญา[18]

การทหารขณะเป็นผู้บัญชาการ

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 630 (เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.8)[19]คอลิดถูกส่งให้ไปทำลายเทวรูปอัลอุซซา[20][21] แล้วสังหาร์ผู้หญิงที่มุฮัมมัดบอกว่านั่นคืออัลอุซซา[22]

คอลิดถูกส่งไปที่เผ่าบนูญาดิมะฮ์ให้เข้ารับอิสลาม พวกเขากล่าวว่า ซาบะอฺนา ซาบะอฺนา (เรามาจากสะบาอ์) แต่คอลิดเข้าใจผิด จึงกักขังและทรมานพวกเขาจนอับดุลรอฮ์มาน อิบน์ เอาฟ์ต้องบอกให้หยุด[20][21][23][24][25] มุฮัมมัดรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับการกระทำของเขา แล้วจ่ายสินไหมให้กับคนในครอบครัวที่เสียชีวิตและทรัพยสินที่ถูกทำลาย พร้อมกับพูดว่า: "โอ้อัลลอฮ์ ฉันบริสุทธิ์ (ไม่ได้เกี่ยวข้อง) กับสิ่งที่คอลิด อิบน์ วะลีดทำลงไป!"[26][27][28]

มุฮัมมัดได้ส่งคอลิดไปที่ดุมาตุลญันดัลเพื่อโจมตีปราสาทของเจ้าชายอุกัยดิรที่นับถือศาสนาคริสต์ จนยึดได้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 631 (เดือนซุลกิอฺดะฮฺ ฮ.ศ.9) โดยคอลิดได้นำตัวประกันและขู่ว่าถ้าไม่เปิดประตูปราสาทแล้วเขาจะฆ่าตัวประกัน หลังจากนั้นศาสดามุฮัมมัดได้จ่ายค่าไถ่โดยมีอูฐ 2000 ตัว, แกะ 800 ตัว, ชุดเกราะ 400 ชุด, หอก 400 อัน และสัญญาว่าจะจ่ายจิซยะฮ์[29][30][31][32]

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 631 มุฮัมมัดได้ส่งคอลิดไปที่ดุมาตุลญันดัลอีกรอบเพื่อทำลายเทวรูปวัดด์ คอลิดได้ทำลายเทวรูปพร้อมกับสถานที่บูชาและสังหารทุกคนที่ต่อต้านการทำลายเทวรูป[29][30][31][33]

แหล่งที่มา

WikiPedia: คอลิด อิบน์ อัลวะลีด http://www.britannica.com/eb/article-9045249 http://www.meccabooks.com/342-khalid-bin-al-waleed... http://www.meccabooks.com/companions/648-khalid-bi... http://military.hawarey.org/military_english.htm //www.jstor.org/stable/1596048 http://www.witness-pioneer.org/vil/Books/SM_tsn/ch... //www.worldcat.org/oclc/36884186 https://books.google.com/?id=2aOpeBnbxvsC&pg=PA289... https://books.google.com/?id=VdXMK4CYRToC&pg=PR9#v... https://books.google.com/?id=VdXMK4CYRToC&printsec...